ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกำชับหน่วยงานทุกแห่ง ยกระดับความพร้อมรับมือกับ “ฤดูกาลไฟป่า” ประจำปีนี้ โดยเฉพาะที่เกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว และเกาะสุลาเวสี ซึ่งมีจุดความร้อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขอให้หน่วยงานท้องถิ่นทุกแห่งยกระดับมาตรการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าประจำปีนี้ “ตั้งแต่เนิ่น” เพื่อลดความเสียหายของวิกฤติในปีนี้ให้ได้มากที่สุด ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวด้วยว่า 99% ของไฟป่าในประเทศเกิดจากน้ำมือมนุษย์ “ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม”
ขณะเดียวกัน วิโดโดกล่าวถึงผลการหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ว่าเกาะสุมาตราเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด เพราะมีการตรวจพบ “จุดความร้อน” มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติเมื่อวันจันทร์อยู่ที่ 63 แห่ง เพิ่มขึ้น 9 แห่ง จากเมืองวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รองลงมาคือภูมิภาคกาลีมันตัน บนเกาะบอร์เนียว และเกาะสุลาเวสี โดยคาดการณ์การเกิด “ฤดูกาลไฟป่า” ในปีนี้ น่าจะเริ่มระหว่างเดือน พ.ค. โดยไม่ช้าไปกว่าเดือน ก.ค. และสถานการณ์ระหว่างเดือน ส.ค. ถึง ก.ย. มีแนวโน้มเป็นช่วงเวลามีความรุนแรงมากที่สุด
นอกจากความสูญเสียของระบบนิเวศแล้ว ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวถึงการเกิดไฟป่าในประเทศ ที่เป็นผลจากการเผาป่าเพื่อแผ้วถางพื้นที่เตรียมปลูกปาล์ม ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ แต่ในเวลาเดียวกัน ภาครัฐต้องเพิ่มการจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมวิกฤติสิ่งแวดล้อมจากไฟป่า โดยสถิติเมื่อปี 2562 มีมูลค่าอย่างน้อย 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 155,948 ล้านบาท ) หรือเทียบเท่า 0.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี )
ด้านสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย ( บีเอ็นพีบี ) รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้ของกรุงจาการ์ตา ตลอดจนพื้นที่รอบนอก ซึ่งเป็นผลจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ว่าผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 5 ราย และประชาชนมากกว่า 4,000 คนต้องอพยพ