นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันเสาร์ มีสาระสำคัญในตอนหนึ่ง เรียกร้องประชาคมโลกเพิ่มความช่วยเหลือด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชนแก่เด็ก สตรี และกลุ่มชาติพันธุ์ในอัฟกานิสถาน
ขณะเดียวกัน ผู้นำอินเดียกล่าวถึงความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการร่วมกันป้องกันไม่ให้ “ประเทศใดก็ตาม” สามารถแสวงหาผลประโยชน์ “ด้วยความเห็นแก่ตัว” จากสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งยังคงเปราะบางอย่างหนัก และกล่าวถึง “ความสำคัญ” ของการปกป้องอาณาเขตทางทะเลจาก “การแข่งขันและการกีดกันพื่อขยายอิทธิพล”
นอกจากนี้ โมดียังเรียกร้องยูเอ็น “ปฏิรูปตัวเอง” เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือในฐานะองค์กรกลางระดับโลก เนื่องจากสหประชาชาติกำลังเผชิญกับเสียงวิจารณ์ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับศักยภาพในการต่อสู้กับวิกฤติความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก การบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 และสถานการณ์ด้านความมั่นคงในประเทศเปราะบางหลายแห่ง
อนึ่ง อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมผลักดันการเพิ่มที่นั่งสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร จีน รัสเซีย และฝรั่งเศส โดยโมดีใช้คำว่า “คนที่ 6 ของโลกคือ อินเดีย” ด้วยเหตุผลว่า “เมื่ออินเดียเติบโต โลกก็เติบโต เมื่ออินเดียเปลี่ยน โลกก็เปลี่ยน”
ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติรับชมการกล่าวถ้อยแถลง ของนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ผู้นำปากีสถาน
ทั้งนี้ โมดีไม่ได้กล่าวโดยตรงถึงปากีสถานและจีนตลอดระยะเวลาประมาณ 20 นาทีของการกล่าวถ้อยแถลง อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนใหญ่สื่ออย่างมีนัยถึงทั้งสองประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ผู้นำปากีสถาน กล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบทางไกล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กล่าวถึงโมดีเล็กน้อยว่า “เป็นผู้นำลัทธิฟาสซิสต์” แล้วใช้เวลาส่วนใหญ่พูดถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถานและนโยบายของสหรัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าทำให้ปากีสถาน “ตกเป็นเหยื่อของข้อครหาและการกล่าวโทษ”